เชิญเข้าร่วมกิจกรรม “คุยสบาย ๆ ขายไอเดียสู่การปฏิบัติ ” ครั้งที่ 246 (21) หัวข้อ “ไข่เจียวสวนดุสิต”
โดย ผู้ได้รับรางวัลจากการแข่งขันไข่เจียวสวนดุสิต วันที่ 23 เมษายน 2567 เวลา 15.30-16.30 น. ณ Poll Cafe’ ออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom Meeting
Join Zoom Meeting https://dusit-ac-th.zoom.us/j/97525427366?pwd=RmQ3WUtXTFFGV2V6SFBoYnpUVGszZz09
Meeting ID: 975 2542 7366 Passcode: sdu
ชาเป็นเครื่องดื่มที่คนไทยนิยมบริโภค ไม่ว่าจะเป็นการดื่มร้อนหรือเย็น เพราะนอกจากการดื่มชาเพื่อความอร่อย ช่วยดับกระหายแล้ว ยังมีรสชาติที่หลากหลายให้เลือกดื่มอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นชาที่ได้จากพืชผัก ผลไม้ ดอกไม้หลากหลายชนิด ที่เรียกว่า “ชาจากพืช” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากส่วนต่าง ๆ ของพืช ได้แก่ ผล เนื้อผล เนื้อในผล เนื้อในเมล็ด จาว เปลือก ต้น ลำต้น ทั้งต้น ต้นอ่อน ยอดอ่อน ช่อดอกอ่อน หัว เหง้าหรือลำต้นใต้ดิน ราก เถา ใบ ดอก กลีบดอก กลีบเลี้ยง เมล็ด ที่ผ่านกระบวนการทำให้แห้ง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อนำไปบริโภคโดยการต้มหรือชงกับน้ำ จะต้องไม่มีการปรุงแต่งกลิ่น รส ด้วยวัตถุอื่น เช่น น้ำตาล เกลือ เครื่องปรุงรสต่าง ๆ รวมทั้งวัตถุเจือปนอาหาร ตัวอย่างวัตถุดิบสำหรับชาจากพืช เช่น มะตูม กระเทียม หอม ขิง ข่า มะกรูด ตะไคร้…
ช่องทางรายได้”ร้านอาหาร” 1.ขายอาหารรูปแบบการขายอาหารเปลี่ยนไป สามารถขายได้ทั้งออฟไลน์(หน้าร้าน) และออนไลน์(ผ่านแพลตฟอร์ม) และที่มากไปกว่านั้นอาหารไม่จำเป็นจะต้องขายแบบปรุงสำเร็จ เช่น ขายอาหารแบบ pre-cook ให้เป็นเซตสำหรับลูกค้าที่อยู่บ้านอยากเป็นเชฟที่บ้าน ทำอาหารกินเองได้ 2.จัดเลี้ยงจัดเลี้ยง หรือ Catering Serviceเป็นอีกช่องทางรายได้รูปแบบหนึ่งที่มีหลากหลายแบบ แตกต่างตามสถานที่มีให้เลือกตั้งแต่ งานสัมมนา ประชุมงานแต่ง งานบุญ งานศพ 3.สอนทำอาหารร้านอาหารหลายร้าน เปิดช่องทางสร้างรายได้ใหม่อย่างการสอนทำอาหารให้กับลูกค้าที่สนใจ มีทั้งสอนจริงจังแบบไปเปิดร้านเองได้ หรือสอนให้เด็กๆ มีประสบการณ์ 4.ขายแฟรนไชส์ขายได้จากการขายแฟรนไชส์ให้ลูกค้าซื้อไปเปิดสาขาในแบรนด์เดียวกัน รายได้ประเภทนี้เป็น Passive Income ของเจ้าของแบรนด์ได้อีกทาง
ประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้ โรงเรียนการเรือนประจำวันที่ 4 กันยายน 2567 ประเภทของครัว แบ่งตามพื้นที่ ( ขนาดของครัว ) “ครัว”เป็นหัวใจหลักและเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญมากต่อการเป็นครอบครัว โดยมีหน้าที่สำคัญคือเป็นที่หุงหาอาหารให้สมาชิกในครอบครัวได้ดื่มกิน และเป็นสถานที่รวมตัวกันของสมาชิกในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการทำอาหารร่วมกัน การรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นการสื่อถึงความสัมพันธ์และอารมณ์ผูกพันของสมาชิกที่อยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวในอีกนัยหนึ่งนั่นเอง
ในแต่ละวัน ร่างกายควรได้รับโซเดียมไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัม โดยเทียบกับน้ำปลา คือ ไม่เกิน 4 ช้อนชา การ ‘กินเค็ม’ หรือได้รับโซเดียมจากอาหารมากเกิน อาจก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหัวใจ และหลอดเลือด เป็นต้น โดยปกติแล้วร่างกายจะได้รับโซเดียมจากเกลือ และโซเดียมยังแฝงอยู่ในอาหารอีกหลายประเภท เช่น เครื่องปรุงรสชนิดต่าง ๆ , อาหารแปรรูป/อาหารสำเร็จรูปแนวทางการปรับพฤติกรรมเพื่อลดการกินเค็มและโซเดียม1. เลือกรับประทานอาหารสดตามธรรมชาติ และเลือกใช้เครื่องปรุงรสให้น้อยที่สุด หรือเลือกเครื่องปรุงชนิดโซเดียมต่ำ (Low Sodium)2. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหมักดอง อาหารแปรรูป อาหารกึ่งสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว และเบเกอรี่ ทุกชนิด3. ปรับนิสัยการรับประทานอาหาร ฝึกการรับประทานอาหารรสจืด เพื่อลดการเติมเครื่องปรุงรสต่าง ๆดังนั้น การลดการกินเค็มที่ดี คือ การปรับพฤติกรรมการกินให้เหมาะสม เน้นกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่กินอาหารรสจัด และควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี
5 ผลไม้สีแดง…ที่ดีต่อสุขภาพคุณแม่ ผลไม้สีแดง มีสารไลโคปีน ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นดี ที่ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง ป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของริ้วรอยอีกด้วย
วิธีแก้ไขคล้ายร้อนรับมือกับความร้อน👉🏻 อยู่ในที่อากาศปลอดโปร่ง ลมถ่ายเทถึง👉🏻 ลดการทำกิจกรรมกลางแจ้งหรือทำงานหนัก👉🏻 สวมเสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี👉🏻 ดื่มน้ำเปล่าบ่ายๆเพื่อให้ร่างกายสดชื่น
