น้ำยาอุทัย ดื่มและทานานๆ มีผลเสียต่อร่างกายหรือไม่?
น้ำยาอุทัย ดื่มและทานานๆ มีผลเสียต่อร่างกายหรือไม่?
ไม่แน่ใจว่าเด็กสมัยนี้จะรู้จัก “น้ำยาอุทัย” กันอยู่หรือเปล่า น้ำแดงๆ หยดลงน้ำเย็น กลิ่นหอมชื่นใจ ยิ่งใครได้ดื่มจากขันที่มีน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ ลอยอยู่ด้วยล่ะก็ บอกเลยว่าหลายคนมีฟิน แต่ของแบบนี้จะเรียกว่า “ไม่รัก ก็เกลียดไปเลย” ได้เหมือนกัน เพราะบางคนขอบาย แค่ได้กลิ่นก็เวียนหัวแล้ว
นอกจากน้ำยาอุทัยมีไว้ผสมน้ำดื่มแล้ว ยังมีวัยรุ่นบางคนที่อยากมีปากแดงๆ แก้มแดงอมชมพู นำน้ำยาอุทัยมาทาปากทาแก้มแทนเครื่องสำอางปกติอีกด้วย เรียกได้ว่าประโยชน์คูณสองจริงๆ
แต่…. ใครก็ตามที่ทั้งดื่ม ทั้งทา ทั้งติดใจเจ้าน้ำยาสีแดงๆ นี้เป็นเวลานานๆ อาจกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ ทาปากทาแก้มแล้ว ปากจะดำ แก้มจะเป็นฝ้าเป็นกระหรือเปล่า
ก่อนอื่นต้องมาดูก่อนว่า น้ำยาอุทัย มีส่วนประกอบอะไรบ้าง
ส่วนประกอบของน้ำยาอุทัย
1. ฝาง
ส่วนประกอบหลักของน้ำยาอุทัย ที่ทำให้น้ำยาอุทัยเป็นสีแดง ฝางช่วยบำรุงโลหิต บางคนต้มน้ำดื่มเพื่อช่วยให้ประจำเดือนมาตามปกติด้วย
2. ดอกพิกุล
ให้รสเย็น ช่วยลดไข้ บำรุงหัวใจ แก้เจ็บคอ และลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
3. ดอกมะลิ
ให้รสเย็นชื่นใจเช่นเดียวกัน บำรุงหัวใจ แก้ร้อนในกระหายน้ำ
4. หญ้าฝรั่น
หญ้าฝรั่นช่วยลดไข้ บำรุงเลือด บำรุงธาตุ และเป็นยาชูกำลัง
5. ดอกสารภี
แม้ว่าดอกสารภีจะมีรสขม แต่ก็ช่วยบำรุงโลหิต ช่วยให้เจริญอาหาร และบำรุงหัวใจ
6. ดอกบุนนาค
ดอกบุนนาคเป็นอีกส่วนผสมที่มีรสขมนิดๆ ช่วยลดไข้ ขับลม แก้ตาพร่ามัว บำรุงธาตุ บำรุงโลหิตและบำรุงหัวใจ
7. ดอกคำฝอย
ช่วยบำรุงหัวใจ บำรุงประสาท ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และช่วยป้องกันการอุดตันของไขมันในเส้นเลือด