โรงเรียนการเรือน

ประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้ศูนย์ฝึกปฏิบัติการอาหารนานาชาติ โรงเรียนการเรือนประจำวันที่ 4 ตุลาคม 2566 ผักพื้นบ้านของไทยเรานอกจากจะมีคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ยังมีฤทธิ์ในการเป็นสมุนไพร โดยมีสรรพคุณทางยา ซึ่งแพทย์แผนไทยได้ให้ความสำคัญต่อรสของผักพื้นบ้านอันแสดงถึงสรรพคุณต่าง ๆ ดังนี้ – ผักที่มีรสขม ช่วยบำรุงโลหิต เจริญอาหาร ระบายท้อง– ผักที่มีรสหวาน ช่วยทำให้ชุ่มชื้น บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลีย– ผักที่มีรสเปรี้ยว ช่วยขับเสมหะ ช่วยระบาย– ผักที่มีรสหอมเย็น ช่วยบำรุงหัวใจ ทำให้สดชื่น แก้อ่อนเพลีย– ผักที่มีรสฝาด ช่วยสมานแผล แก้ท้องร่วง บำรุงธาตุ– ผักที่มีรสมัน ช่วยบำรุงเส้นเอ็น เป็นยาอายุวัฒนะ– ผักที่มีรสเผ็ดร้อน ช่วยแก้ท้องอืด แก้ลมจุกเสียด ขับลม บำรุงธาตุ  

ประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้ศูนย์ฝึกปฏิบัติการอาหารนานาชาติ โรงเรียนการเรือน ประจำวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ตื่นเช้าต้องแวะซื้อกาแฟก่อนไปทำงาน ไม่ได้จิบกาแฟ คาเฟอีนยังไม่เข้าร่าง จะเกิดอาการไม่ค่อยเฟรช รู้สึกเหมือนยังเริ่มวันไม่ได้ ต้องขอต่อกาแฟอีกซักแก้วไว้แก้ง่วงยามบ่าย ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่มีอาการเหล่านี้อยู่ล่ะก็ ไม่ต้องรู้สึกแปลกใจ เพราะมนุษย์ออฟฟิศส่วนใหญ่ก็มักจะมีอาการแบบเดียวกับคุณอยู่นั่นแหละ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับ ประโยชน์ของกาแฟดำ สำหรับสายรักษ์สุขภาพรวมทั้งเคล็ดลับในการดื่มกาแฟดำกันครับ

ประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้ศูนย์ฝึกปฏิบัติการอาหารนานาชาติ โรงเรียนการเรือน ประจำวันที่ 1 ตุลาคม 2566 “การเลือกรับประทานไขมันที่ถูกต้อง” ไขมัน เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพราะเป็นหนึ่งในสารอาหารหลักที่ให้พลังงาน และใช้ในการดูดซึมวิตามิน A D E K คนทั่วไปควรได้รับพลังงานจากไขมัน 20-30% ของพลังงานทั้งหมด การกินไขมันที่มากเกินไปอาจส่งผลเสีย เช่น เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ การเลือกรับประทานไขมันที่ถูกต้อง 1.ควรเลือกรับประทานไขมันดี หรือไขมันที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการดัดแปลงโครงสร้าง เช่น – ปลาทะเล แซลมอน ปลาทู – อะโวคาโด – เมล็ดธัญพืช เช่น งา เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง – ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ วอลนัท ถั่วลิสง – น้ำมัน เช่น น้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว 2.จำกัดปริมาณไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากสัตว์ ไขมันจากพืช (น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม) […]

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้ศูนย์ฝึกปฏิบัติการอาหารนานาชาติ โรงเรียนการเรือนประจำวันที่ 29กันยายน 2566 5 ความรู้เบื้องต้นสำหรับคนที่อยากเริ่มทำร้านอาหาร 1.มี Know How ก็ต้องมี Know Who ด้วยสิ่งสำคัญที่ทุกร้านอาหารต้องรู้คือ “Know Who” คือรู้ว่า “เราจะขายให้ใคร” หรือ “ใครคือลูกค้าเรากันแน่” 2.จุดขายที่ใช่ให้เจอ ก่อนที่จะเปิดร้าน“จุดขาย” คือ “ความโดดเด่นที่แตกต่าง” ทำให้ร้านของเราพิเศษกว่าร้านอื่นๆ อาจเป็นได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น อาหารที่ถูกที่สุด จานใหญ่ที่สุด จัดจานสวยที่สุด ร้านสวยที่สุด อิ่มคุ้มที่สุด 3.อาหารต้องหน้าตาสวย เพราะเราอยู่ในยุคนิยมแชะแล้วแชร์ไม่ว่าจะเป็นร้านของเรา เมนูอาหาร พื้นที่ ทุกจาน ควรได้รับการรังสรรค์ออกมาให้ถ่ายรูปได้ สร้างความประทับใจได้ เพราะยิ่งลูกค้าที่มาทานยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปและแชร์บนโซเชียลของตัวเองมากแค่ไหน ร้านก็ยิ่งมีโอกาสได้รับการอุดหนุนมากขึ้นเท่านั้น 4.การทำ Online ถ้าไม่พร้อมอย่าเปิดช่องให้ถูกวิจารณ์โลกออนไลน์จะนำมาซี่งโอกาส แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นดาบสองคม ที่สามารถทำลายร้านอาหารในพริบตา โดยเฉพาะการเปิดเพจร้านอาหารที่ต้องการทำการตลาดให้คนเข้าร้านเยอะๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับมือใหม่ ควรปิดระบบการให้คำวิจารณ์ไว้ก่อน เพราะหากเปิดระบบให้วิจารณ์ได้เอาไว้ ทุกคำวิจารณ์ไม่ว่าจะดีหรือร้าย จะไม่สามารถลบได้ทั้งนั้น 5.เก็บข้อมูลลูกค้า เพื่อเอาไว้ใช้ในการพัฒนาร้านไม่ว่าจะเป็นการเริ่มเปิดร้านใหม่ หรือเปิดมาแล้วมีประสบการณ์มาแล้ว การเก็บข้อมูลลูกค้า […]

Clubhouse คลับอาหารการกินSDU 🎉 พูดคุยในหัวข้อ “ขนมครก” วันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 เวลา 19.00-20.30 น. 🧡 สัปดาห์นี้ได้รับเกียรติจาก ผศ.กาญจนา เฟื่องศรี อาจารย์จากสาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ (วิทยาเขตสุพรรณบุรี) โรงเรียนการเรือน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ✨ มาร่วมฟังร่วมแชร์เรื่องราวความอร่อยไปด้วยกัน 😁 พบกันที่คลับอาหารการกินSDU ทุ่มตรงไทยแลนด์ https://www.clubhouse.com/invite/X7V767Qd

ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ข้อมูลความรู้ ศูนย์ฝึกปฏิบัติการอาหารนานาชาติ โรงเรียนการเรือน ประจำวันที่ 28 กันยายน 2566 3 เมนูควรเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยโรคตับแข็ง 1.ลาบเลือด 2.ส้มตำปูปลาร้า 3.กุ้งแช่น้ำปลา “ควรเลือกกินอาหารปรุงสดใหม่ งดอาหารสุกๆดิบๆอาหารทะเลและอาหารแห้งชื้น” เพราะอาจมีการปนเปื้อนของเชื้อแบคทีเรียและพยาธิทำให้ตับทำงานหนักขึ้นเพื่อกำจัดของเสียและเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับตามมา ผู้ป่วยโรคตับบางรายมักจะรับประทานอาหารได้น้อยลงหรือเบื่ออาหาร ดังนั้น ควรรับประทานอาหารกระจายเป็นมื้อเล็กๆ 5-7 มื้อต่อวัน (มื้อเช้า มื้อว่างเช้า มื้อเที่ยง มื้อว่างบ่าย มื้อเย็น และมื้อก่อนนอน) เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร และลดอาการอาหารย่อยยาก แน่นท้อง อืดท้อง คลื่นไส้ และอาเจียน